Call Center 092.702.8866 I pinnclinic@gmail.com
CANCER VACCINE
ภูมิคุ้มกันบำบัด (Immunocell Therapy)
ในแต่ละวันมีเซลล์มะเร็งเกิดขึ้นมากมายในร่างกายของเรา แม้ผู้ที่มีสุขภาพดีก็เช่นกัน แต่ระบบภูมิคุ้มกันอันทรงประสิทธิภาพ สามารถตรวจพบเซลล์กลายพันธุ์เหล่านี้และทำลายได้อย่างราบคาบ เราจึงยังคงมีสุขภาพร่างกายแข็งแรงอยู่เสมอ อย่างไรก็ตามในปัจจุบันนี้ พันธุกรรมและความเครียดไม่ใช่ปัจจัยทั้งหมดที่ทำให้เราต้องเสี่ยงต่อการป่วยเป็นมะเร็ง แต่สิ่งแวดล้อมที่เลวร้ายลง ทำให้เราต้องสัมผัสสารก่อมะเร็งมากมายในชีวิตประจำวัน ในที่สุดร่างกายที่ไม่แข็งแรงพอก็เพลี่ยงพล้ำ ระบบภูมิคุ้มกันทำงานพลาด เป็นเหตุให้เซลล์มะเร็งเพิ่มจำนวน แพร่กระจาย ขยายขนาดไปตามอวัยวะต่าง ๆ นั่นหมายความว่าเรากำลังป่วยด้วยโรคโรคมะเร็ง
ก้อนเนื้อมะเร็งจะถูกตัดออกด้วยการผ่าตัด แล้วตามด้วยการฉายรังสี พร้อมทั้งให้ยาคีโม (chemotherapy) แต่ผลที่ตามมากลับพบว่ามะเร็งมักจะแพร่กระจายไปที่อวัยวะอื่น ๆ หรือกลับมาเป็นซ้ำอีก หลังได้รับการรักษาด้วยวิธีการดังกล่าว ซึ่งก็เนื่องมาจากการผ่าตัด การฉายแสง และการให้ยาคีโมไม่สามารถทำลายเซลล์มะเร็งได้ทั้งหมด เมื่อระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายอ่อนแอลงจึงกลับมาเป็นซ้ำและแพร่กระจายไปยังอวัยวะอื่น ๆ ได้
การรักษาโรคมะเร็งด้วยแนวทางเซลล์บำบัด จึงเกิดขึ้นเพื่อแก้ปัญหาพื้นฐานสำคัญ ๆ สองเรื่องคือ ทำให้ระบบภูมิคุ้มกันกลับมามีประสิทธิภาพในการต้านโรคได้ดีดังเดิม และปรับระบบการการรักษาโรคมะเร็ง แต่ยังคงมีอุปสรรคอยู่บ้างในเรื่องเทคโนโลยีการเพาะเลี้ยงเซลล์ และการเหนี่ยวนำให้เปลี่ยนแปลงเป็นเซลล์ในระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย
วิธีการผลิต เซลล์เม็ดเลือดขาวพิฆาต (Win-K cell Menufacture Method)
1. นำเลือดมาจากร่างกายผู้ป่วย
2. แยกเม็ดเลือดขาวชนิด Lymphocyte ออกมา
3. เพาะเลี้ยง Lymphocyte และกระตุ้นด้วย Cytokine
4. เพาะเลี้ยงเป็นเวลา 2 สัปดาห์ และเพิ่มจำนวน T Lymphocyte
5. แยกเฉพาะ Immunecell-LC และทำให้บริสุทธิ์
6. ฉีด Immunecell-LC กลับเข้าสู่ร่างกายผู้ป่วย
อย่างไรก็ตามการรักษาด้วย “ภูมิคุ้มกันบำบัด” ตามแนวทางของ Green Cross Cell” คือการนำเม็ดเลือดขาวจากเลือดของผู้ป่วยเอง มาเพาะเลี้ยงเพิ่มจำนวนให้มากขึ้นจากเดิมหลายร้อยเท่า และกระตุ้นให้กลายเป็นเม็ดเลือดขาวชนิดที่สามารถเข้าทำลายเซลล์มะเร็งโดยเฉพาะ แล้วจึงฉีดกลับเข้าสู่ร่างกายผู้ป่วยเพื่อไปทำลายเป้าหมายคือเซลล์มะเร็งอย่างแม่นยำ วิธีนี้จึงให้ผลดีในการรักษาโรคมะเร็งและยับยั้งอาการกำเริบของโรค
เนื่องจากการรักษาด้วยแนวทาง “ภูมิคุ้มกันบำบัด” เป็นวิธีบำบัดโรคโดยใช้ภูมิคุ้มกันของตัวผู้ป่วยเอง จึงทำให้คุณภาพชีวิตของผู้ป่วยมะเร็งดีขึ้นมากในระหว่างการรักษา ทั้งนี้เพราะผู้ป่วยไม่ต้องพบกับความเจ็บปวดและผลข้างเคียงที่ร้ายแรงของยา
คุณสมบัติของยาต้านมะเร็งด้วยภูมิคุ้มกัน (Anti-Cancer Immune Cell Drug)”
-
ป้องกันการกลับมาเป็นซ้ำและทำลายเซลล์มะเร็งที่หลงเหลืออยู่อย่างมีประสิทธิภาพ
-
ไม่สร้างความเจ็บปวดและไม่มีผลข้างเคียงที่ร้ายแรงจากยา
-
สามารถทำไปพร้อม ๆ กับการให้ยาคีโมได้
-
ช่วยให้คุณภาพชีวิตของผู้ป่วยดีขึ้น
กลุ่มเซลล์ในระบบภูมิคุ้มกันที่เป็นตัวออกฤทธิ์ทำลายเซลล์มะเร็งใน “ยาต้านมะเร็งด้วยภูมิคุ้มกัน” คือ T lymphocytes, Cytotoxic T lymphocyte และ Cytokine induced killer cell
สามารถอธิบายกระบวนการต้านเซลล์มะเร็งได้ดังนี้ เริ่มจาก Antigen-presenting cell คือ เซลล์ในระบบภูมิคุ้มกันที่เมื่อเจอสิ่งแปลกปลอมหรือที่เรียกว่า antigen (เช่น เชื้อไวรัส เซลล์มะเร็ง ฯลฯ)แล้ว จะส่งสัญญาณต่อให้เซลล์เม็ดเลือดขาวชนิด T lymphocyte ดังนั้นเมื่อมีเซลล์มะเร็งเกิดขึ้น Antigen-presenting cell จะจับกับเซลล์มะเร็ง และค้นหาองค์ประกอบโปรตีนบนผิวเซลล์มะเร็งซึ่งเป็นลักษณะเฉพาะของเซลล์มะเร็ง หลังจากนั้นข้อมูลนี้จะถูกส่งต่อให้เม็ดเลือดขาวชนิด T Lymphocyte ทำให้ Lymphocyte อยู่ในสถานะพร้อมออกฤทธิ์ (MHC class I Method) แล้วจึงเปลี่ยนเป็น Cytotoxic T lymphocytes ในขณะเดียวกันสารกระตุ้น Lymphocyte ก็จะถูกปล่อยออกมาเพื่อกระตุ้นให้เกิดการค้นหาเซลล์มะเร็งต่อไป
Cytotoxic T Lymphocyte ที่ถูกกระตุ้นให้พร้อมทำงาน จะใช้ข้อมูลที่ได้รับจาก Antigen-presenting cell เพื่อแยกแยะเซลล์มะเร็งออกจากเซลล์ปกติทั่วไป แล้วทำลายเซลล์มะเร็งโดยการปล่อยเอ็นไซม์ออกมาทำลายผิวเซลล์มะเร็งให้แตกออก ทำให้เซลล์มะเร็งตายในที่สุด
Cytokine เหนี่ยวนำ Killer Cell (CIK) ให้มีประสิทธิภาพ และกลายเป็นภูมิคุ้มกันที่แข็งแกร่ง สามารถค้นหาและฆ่าเซลล์มะเร็งได้ โดยไม่ต้องอาศัยข้อมูลจาก Antigen-presenting cell ระบบภูมิคุ้มกันต้านเซลล์มะเร็งของร่างกายประกอบด้วยกลุ่มเซลล์ของระบบภูมิคุ้มกันสองกลุ่มดังที่กล่าวมานี้ โดยทั้งสองกลุ่มสามารถประสานการทำงานเพื่อทำลายเซลล์มะเร็งอย่างได้ผล
ภาพ Anti-cancer Effects of Immune cells
เราติดตามดูพฤติกรรมการทำงานของเซลล์ต้านมะเร็ง พบว่าเซลล์ระบบภูมิคุ้มกันจะล้อมรอบเซลล์มะเร็ง แล้วเคลื่อนย้ายเซลล์มะเร็งที่มีรูปร่างยาวจากด้านล่าง ทำให้เซลล์มะเร็งเปลี่ยนรูปร่างเป็นทรงกลม และสั้นลง หลังจากนั้นก็พบว่าเซลล์มะเร็งแตกออก ทำให้ของเหลวภายในไหลออกมาจากเซลล์และตายในที่สุด
เซลล์ใน Anti-cancer Immune Cell Drug มีจำนวนหนึ่งหมื่นล้านเซลล์ โดยได้จากเลือดผู้ป่วยที่มีจำนวนเซลล์เริ่มต้นเพียง 30 ล้านเซลล์ แต่เราไม่เพียงเพิ่มจำนวนเซลล์เท่านั้น เราได้เปลี่ยนแปลงเซลล์เม็ดเลือดธรรมดาเหล่านั้น ให้กลายเป็นเซลล์พิฆาตมะเร็งในระบบภูมิคุ้มกัน คือ Cytokine induced Killer cell และ Cytotoxic T lymphocyte ซึ่งมีความสามารถค้นหาและทำลายเซลล์มะเร็งอย่างมีประสิทธิภาพ รวมทั้งหยุดยั้งการแพร่กระจาย การกลับมาเป็นซ้ำ และทำให้ผู้ป่วยรอดชีวิตจากโรคมะเร็งได้มากขึ้น
-
ผู้ป่วยควรงดอาหารไขมันสูงเป็นเวลา 3 วันก่อนการเจาะเก็บเลือด
-
ผู้ป่วยควรงดการให้หรือรับเลือดไม่น้อยกว่า 7 วันหรือให้อยู่ภายใต้การพิจารณาของแพทย์
-
ไม่ควรเก็บเลือดผู้ป่วยในขณะที่รักษาหรือหลังการรักษาด้วยเคมีบำบัดหรือรังสีบำบัดน้อยกว่า 1 เดือนหรือให้อยู่ภายใต้กการพิจารณาของแพทย์
-
ไม่ควรเก็บเลือดผู้ป่วยในขณะท่ีผู้ป่วยอยู่ระหว่างการมีไข้
• สําหรับผู้ป่วยมะเร็ง: ควรให้อย่างน้อย 6 เข็ม ต่อการรักษา และ/หรือ ข้ึนอยู่กับดุลยพินิจของแพทย์ โดยให้ทุก ๆ 2 สัปดาห์
• สําหรับกลุ่มเสี่ยงมะเร็ง: ท่ีมีภูมิคุ้มกันน้อย ควรให้อย่างน้อย 4 เข็ม ต่อการ รักษาและ/หรือข้ึนอยู่กับดุลยพินิจของแพทย์โดยให้ทกๆ2สัปดาห์
-
ระยะเวลาที่เหมาะสมต่อการฉีดกลับของ Win-K Cells คือ หลังวันที่ 14 - 21 หลังจากวันที่เจาะเก็บเลือด
-
ประสานงานเพื่อขอรับ Win-K Cells โดยโทรแจ้งเจ้าหน้าที่เพื่อนัดวัน-เวลา และ สถานที่ ล่วงหน้าอย่างน้อย 3 วัน
-
การนำส่ง Win-K Cell จะบรรจุในภาชนะสะอาดปิดฝาที่อุณหภมูิ 20 ๐C
-
ควรฉีดเซลล์กลับภายใน 24 ชั่วโมง หลังจากนำส่งออกจากห้องปฏิบัติการ
การติดตามผลการรักษา
• กำหนดตรวจ NK Series ( NK Activity + NK Cell Count ) 3 คร้ัง คือ
ก่อนการรักษา
หลัง Treatment คร้ังท่ี 3 ( เก็บเลือดก่อนการให้ Win-K Cell คร้ังที่ 4 )
หลัง Treatment คร้ังที่ 6
.